ชาวบ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว พูดถึงการรุกคืบของทหารกัมพูชา (2025)

ชาวบ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว พูดถึงการรุกคืบของทหารกัมพูชา (1)

ที่มาของภาพ, BBC Thai/Wasawat Lukharang

Article Information
    • Author, ปณิศา เอมโอชา
    • Role, ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย

วานนี้ (18 ก.ย.) เวลาประมาณ 17:20 น. บีบีซีไทยเดินทางมาถึงบริเวณจุดตรวจ ส.34 บ้านหนองหญ้าแก้ว ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง สระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านเตรยจัน ต.ห้า อ.โอจโร จังหวัดบันเตียเมียนเจย

ตอนที่บีบีซีไทยเดินทางมาถึง เราพบว่าเจ้าหน้าที่มีการตั้งรั้วลวดหนามเอาไว้บริเวณถนนที่ติดกับนาข้าวแล้ว ซึ่งเป็นบริเวณที่ไกลจากจุดปะทะ

เจ้าหน้าที่ทหารจากกองกําลังบูรพาซึ่งเป็นผู้พาบีบีซีไทยลงพื้นที่ในครั้งนี้ระบุว่า การวางรั้วลวดหนามไว้ในพื้นที่ของไทยเองเช่นนี้เป็นไปเพื่อรับมือ หากเกิดสถานการณ์ที่กองกำลังฝั่งกัมพูชารุกคืบเข้ามา และมีการวางรั้วลวดหนามเอาไว้ตั้งแต่ช่วงที่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทุขึ้นที่บริเวณช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ในช่วงปลายเดือน ก.ค.

ชาวบ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว พูดถึงการรุกคืบของทหารกัมพูชา (2)

ที่มาของภาพ, BBC Thai/Wasawat Lukharang

จากบริเวณถนนคอนกรีต บีบีซีไทยเดินเข้าไปตามทางเดินที่ทั้งสองฝั่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้านในพื้นที่ราวสิบนาที ก่อนพบที่ตั้งชั่วคราวของเจ้าหน้าที่ทหารไทย และเลยไปไม่กี่เมตร เราพบเห็นตาข่ายกรองแสงสีดำ (สแลน) ที่เจ้าหน้าที่กางขึงไว้

ในบริเวณดังกล่าว มีสแลนกางไว้ทั้งหมดสองจุด โดยจุดแรกมีลักษณะกางสูงราวบ้านสองชั้น และอยู่ติดกับบ้านหลังหนึ่งซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าสร้างโดยชาวกัมพูชา และเคยมีชาวกัมพูชาอาศัยอยู่จริงก่อนที่จะถูกผลักดันออกไป

Skip ได้รับความนิยมสูงสุด and continue reading

ได้รับความนิยมสูงสุด

End of ได้รับความนิยมสูงสุด

ชาวบ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว พูดถึงการรุกคืบของทหารกัมพูชา (7)

ที่มาของภาพ, BBC Thai/Wasawat Lukharang

ห่างออกไปราว 100 เมตรจากสแลนแรก เป็นที่ตั้งของสแลนถัดไปซึ่งมีลักษณะสูงไม่เกินหนึ่งช่วงตัวคน และอยู่ใกล้กับบริเวณรั้วลวดหนามที่เจ้าหน้าที่ของไทยไปตั้งไว้

บีบีซีไทยได้รับอนุญาตให้รายงานข่าวจากเพียงสแลนแรกเท่านั้น อย่างไรก็ดี เรายังคงสามารถได้ยินเสียงของชาวบ้านชาวกัมพูชาที่อยู่หลังสแลนที่สองดังอยู่เป็นระยะ

การรุกคืบของหมู่บ้านชาวกัมพูชา

เจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังบูรพาอธิบายให้บีบีซีไทยฟังว่า เมื่อใช้แผนที่ที่มีการตีเส้นทั้งจากเส้นเขตแดนที่ไทยอ้างสิทธิ (เส้นสีน้ำเงิน) หรือเส้นเขตแดนที่กัมพูชาอ้างสิทธิ (เส้นสีแดง) ก็จะพบว่ามีบ้านที่สร้างโดยชาวกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยจริง

นอกจากนี้ แผนที่ทางอากาศจากกองทัพบก ยังแสดงจุดสีที่มีการระบายสีน้ำเงินเป็นกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งเป็นจุดที่มีชาวบ้านชาวกัมพูชาบุกเข้ามาและมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ของฝั่งไทย

ชาวบ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว พูดถึงการรุกคืบของทหารกัมพูชา (8)

ที่มาของภาพ, โฆษกกองทัพบก

หากอ้างอิงจากแผนที่ฉบับนี้ บ้านหลังที่บีบีซีไทยเข้าไปพบ ซึ่งอยู่ตรงจุดที่เจ้าหน้าที่กางสแลนไว้ คือหนึ่งในบ้านที่สร้างโดยชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ไทยแล้ว

ปัจจุบัน บริเวณดังกล่าวมีกองกำลังเจ้าหน้าที่ของไทยประจำการอยู่ เนื่องจากทางฝั่งไทยได้เริ่มปฏิบัติการผลักดันชาวกัมพูชากลับไปยังพื้นที่ในเขตแดนของตนเองตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา

ชาวบ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว พูดถึงการรุกคืบของทหารกัมพูชา (9)

ที่มาของภาพ, BBC Thai/Wasawat Lukharang

ชาวบ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว พูดถึงการรุกคืบของทหารกัมพูชา (10)

ที่มาของภาพ, BBC Thai/Wasawat Lukharang

เจ้าหน้าที่จากกองกำลังบูรพาอธิบายกับบีบีซีไทยว่า แท้จริงแล้วสถานการณ์ม็อบชาวบ้านของกัมพูชาเริ่มต้นมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 15 ก.ย. โดยเป็นสถานการณ์ที่ต่อเนื่องมาจากเหตุตึงเครียดที่ บ้านหนองจาน ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งมีเหตุไม่สงบมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ส.ค.

ก่อนจะเกิดเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยและชาวบ้านกัมพูชา ณ บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งมีการใช้แก็สน้ำตาด้วย ในวันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา

ตอนที่บีบีซีไทยไปถึงพื้นที่แนวปะทะ ณ วันที่ 18 ก.ย. เวลาประมาณ 17:20 น. เราไม่พบว่ามีเหตุการปะทะหรือการเผชิญหน้าแล้ว แต่ยังมีการประจำการของเจ้าหน้าที่ไทยอย่างเข้มงวด

ชาวบ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว พูดถึงการรุกคืบของทหารกัมพูชา (11)

ที่มาของภาพ, สาโรช เมฆโสภาวรรณกุล /Thai News Pix

ข้อโต้แย้งของกัมพูชา

หลังเกิดเหตุปะทะเมื่อวันที่ 17 ก.ย. กระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์ย้ำว่าทหารไทยที่ติดอาวุธได้รุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชา "พร้อมยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง รวมถึงใช้อุปกรณ์เสียงความถี่สูงที่ทำลายการได้ยินของชาวบ้านกัมพูชาที่หมู่บ้านเปรยจาน" ขณะที่ชาวบ้านกำลังพยายามปกป้องบ้านเรือนและทรัพย์สินของตนโดยสันติ

แถลงการณ์ดังกล่าวของกัมพูชาระบุ "ไทยละเมิดต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชาอย่างร้ายแรง รวมถึงละเมิดหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายมนุษยธรรม"

กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยหยุดการกระทำดังกล่าว และร้องขอให้ประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอาเซียนและพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง จับตาสถานการณ์ที่น่ากังวลนี้อย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ในจดหมายเปิดผนึกที่ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ส่งถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เขาได้ย้ำจุดยืนว่าพื้นที่พิพาทนั้นเป็นดินแดนของกัมพูชา พร้อมอ้างว่าฝั่งไทยปฏิบัติการทางทหารโดยยึดแต่แผนที่ที่ไทยร่างขึ้นเองในมาตราส่วน 1:50,000

"ซึ่งขัดต่อแผนที่ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันในมาตราส่วน 1:200,000 ที่เป็นผลจากการทำงานของคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนระหว่างอินโดจีนและสยาม ตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศสกับสยาม"

นายฮุน มาเนต ยังระบุว่าตนเองได้ร้องขอไปยังนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน ให้เรียกร้องต่อประเทศไทยให้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด งดเว้นการใช้กำลังกับพลเรือนและทรัพย์สิน รื้อถอนสิ่งกีดขวางที่เพิ่งตั้งขึ้น ยุติการขับไล่และอนุญาตให้ชาวกัมพูชาที่ถูกขับไล่กลับไปยังบ้านและที่ดินของตน

ทหารกัมพูชาที่เคยอยู่ "อาวุธครบมือตลอดนะ"

ชาวบ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว พูดถึงการรุกคืบของทหารกัมพูชา (12)

ที่มาของภาพ, BBC Thai/Wasawat Lukharang

นางสมพร เพชรจิตต์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว บอกกับบีบีซีไทยว่า เธอเห็นการเข้ามาของชาวกัมพูชาในพื้นที่ตั้งแต่ช่วงปี 2539 ที่เธอเข้ามาอาศัยในพื้นที่ พร้อมระบุว่าที่ผ่านมา ชาวบ้านของทั้งสองประเทศต่างก็ไปมาหาสู่กันปกติ

"แต่ ณ ปัจจุบันนี้มันก็คงไม่ปกติแล้ว เราก็เสียใจเนาะ เขามาทำแบบนี้กับเรา" นางสมพร กล่าว

เธอเล่าต่อไปว่าที่ผ่านมา แม้จะมีเหตุปะทะที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี หรือเหตุปะทะทางทหารตามแนวชายแดนพื้นที่อื่น ๆ แต่เธอก็ไม่เคยคิดว่าจะมีการเผชิญหน้าเช่นนี้ในพื้นที่ของเธอ เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

บริเวณพื้นที่ที่ชาวกัมพูชาเข้ามานั้น เจ้าหน้าที่ทหารของกองกำลังบูรพาบอกกับบีบีซีไทยว่า ผู้ที่เข้ามาอยู่เป็นทหารกัมพูชาที่มาพร้อมกับครอบครัว ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมา ก็มีกรณีที่ชาวบ้านฝั่งไทยออกไปทำเกษตรกรรมในพื้นที่แล้วต้องเผชิญหน้ากับทหารที่ติดอาวุธของฝั่งกัมพูชา

นางสมพรมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกัน เธอเล่าให้บีบีซีไทยฟังว่า ในช่วงเช้าทหารจากฝั่งกัมพูชามักจะขับรถมอเตอร์ไซค์เลาะตามแนวป่าหรือแนวไร่ แต่เมื่อชาวบ้านฝั่งไทยไปขุดหาพืชผัก หรือไปทำเกษตรในพื้นที่ใกล้เคียงก็จะถูกรบกวน

"สมมติมีเสียงรถไถเสียงรถยนต์อะไรอย่างนี้ เขาก็ออกมาแล้วโดยที่มีอาวุธครบมือตลอดนะ เขาไม่ได้เหมือนทหารเรานะ ทหารเราไปมือเปล่า ไปดูแค่นั้นแหละ"

ชาวบ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว พูดถึงการรุกคืบของทหารกัมพูชา (13)

ที่มาของภาพ, BBC Thai/Wasawat Lukharang

ด้าน นางบานเย็น ลาวิลาศ ผู้ประกอบอาชีพขายหมูกระทะในพื้นที่วัย 73 ปี บอกกับบีบีซีไทยว่า ที่ผ่านมากิจการร้านค้าของเธอถือว่าไปได้ค่อนข้างดี เนื่องจากมีชาวบ้านกัมพูชาเข้ามาสั่งอาหารในสัดส่วนเกินครึ่งหนึ่งของลูกค้าต่อวัน แต่เมื่อเกิดเหตุตึงเครียดขึ้น ลูกค้าก็ลดลงอย่างชัดเจน

นางบานเย็นที่อาศัยอยู่กับลูกสาวและหลานชายวัยสิบกว่าขวบ บอกว่าเธอไม่ได้รู้สึกกลัวหรือกังวลกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่หากเป็นไปได้เธอก็อยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนอดีต ที่ทุกคนอยู่ร่วมกัน

อย่างไรก็ดี เธอมองว่านั่นดูจะเป็นทางออกที่แทบเป็นไปไม่ได้แล้ว และมองว่าการปิดชายแดนไปตลอดอาจจะกลายเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่

ชาวบ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว พูดถึงการรุกคืบของทหารกัมพูชา (2025)

References

Top Articles
Latest Posts
Recommended Articles
Article information

Author: Rev. Leonie Wyman

Last Updated:

Views: 5263

Rating: 4.9 / 5 (79 voted)

Reviews: 94% of readers found this page helpful

Author information

Name: Rev. Leonie Wyman

Birthday: 1993-07-01

Address: Suite 763 6272 Lang Bypass, New Xochitlport, VT 72704-3308

Phone: +22014484519944

Job: Banking Officer

Hobby: Sailing, Gaming, Basketball, Calligraphy, Mycology, Astronomy, Juggling

Introduction: My name is Rev. Leonie Wyman, I am a colorful, tasty, splendid, fair, witty, gorgeous, splendid person who loves writing and wants to share my knowledge and understanding with you.